ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เต็มไปด้วยอันตราย เช่น ไซต์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้แต่ห้องปฏิบัติการ “ความปลอดภัย” ย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เท้า” ซึ่งเป็นอวัยวะที่ต้องรับน้ำหนัก และเคลื่อนไหวตลอดเวลา จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย “รองเท้าเซฟตี้” หรือ “รองเท้านิรภัย” จึงเป็นอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) ที่ขาดไม่ได้ เพื่อปกป้องเท้าของผู้ปฏิบัติงานจากอันตรายต่างๆ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับรองเท้าเซฟตี้ พร้อมแนะนำวิธีการเลือกซื้อรองเท้าที่เหมาะสมกับลักษณะงาน เพื่อความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำงาน
รองเท้าเซฟตี้คือ อะไร?
รองเท้าเซฟตี้ คือ รองเท้านิรภัยที่ออกแบบ และผลิตขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเท้าของผู้ปฏิบัติงาน โดยมีคุณสมบัติปกป้องเท้าเพื่อความปลอดภัย
คุณสมบัติของรองเท้าเซฟตี้ ควรมีดังนี้
- หัวรองเท้าแข็งแรง: ทำจากวัสดุแข็ง เช่น เหล็ก หรือ คอมโพสิต เพื่อป้องกันการกระแทก หรือ วัตถุตกใส่
- พื้นรองเท้าทนทาน: ผลิตจากวัสดุที่ทนต่อการสึกหรอ การเจาะทะลุ ความร้อน สารเคมี และ เป็นฉนวนไฟฟ้า
- การออกแบบเพื่อความปลอดภัย: มีคุณสมบัติ เช่น กันลื่น กันน้ำ ป้องกันไฟฟ้าสถิต เพื่อลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเท้าในสถานที่ทำงาน
- วัตถุตกใส่: เช่น เครื่องมือ ชิ้นส่วน วัสดุก่อสร้าง
- การบาด หรือ ทิ่มแทง: เช่น ของมีคม ตะปู เศษแก้ว
- สารเคมี: เช่น กรด ด่าง สารละลาย
- ไฟฟ้า: เช่น ไฟฟ้าดูด ไฟฟ้าช็อต
- ความร้อน: เช่น โลหะร้อน เปลวไฟพื้นผิวลื่น: เช่น น้ำ น้ำมัน
ทำไมต้องใส่รองเท้าเซฟตี้ ?
การสวมใส่รองเท้าเซฟตี้ มีความสำคัญ ดังนี้
- ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ: ช่วยป้องกัน หรือ ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บที่เท้า
- เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน: สร้างความมั่นใจ และสมาธิ ในการทำงาน
- ปฏิบัติตามกฎหมาย: ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย มีกฎหมายบังคับให้สวมใส่ PPE ในสถานที่ทำงาน
- ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี: แสดงถึงความเป็นมืออาชีพ และความใส่ใจในความปลอดภัย
กรณีศึกษากรณี ของการสวมรองเท้าเซฟตี้ ในการทำงาน
อุบัติเหตุจากวัตถุตกใส่: พนักงานก่อสร้าง ไม่ได้สวมใส่รองเท้าเซฟตี้ ถูกเหล็กเส้นตกใส่เท้า ได้รับบาดเจ็บสาหัส
อุบัติเหตุจากไฟฟ้าดูด: ช่างไฟฟ้า สวมใส่รองเท้าแตะ ทำงานกับสายไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าดูด เสียชีวิต
ประเภทของรองเท้าเซฟตี้ มีอะไรบ้าง ?
แบ่งตามวัสดุหัวรองเท้า
- หัวเหล็ก: แข็งแรง ทนทาน ราคาประหยัด
- หัวคอมโพสิต: น้ำหนักเบา ไม่นำไฟฟ้า แต่ราคาสูงกว่า
แบ่งตามลักษณะการใช้งาน
- งานก่อสร้าง: เน้นความแข็งแรง ทนทาน ป้องกันการกระแทก
- งานอุตสาหกรรม: ป้องกันสารเคมี ความร้อน และ ไฟฟ้า
- งานไฟฟ้า: เป็นฉนวนไฟฟ้า ป้องกันไฟฟ้าดูด
แบ่งตามมาตรฐาน
- ANSI (American National Standards Institute): มาตรฐานของสหรัฐอเมริกา
- EN (European Norms): มาตรฐานของยุโรป
- มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม): มาตรฐานของประเทศไทย
การเลือกรองเท้าเซฟตี้ ที่เหมาะสมกับตัวเอง
- พิจารณาจากลักษณะงาน สภาพแวดล้อม และอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- เลือกขนาดที่พอดี ไม่หลวมหรือคับเกินไป
- ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย
- เลือกวัสดุ และคุณสมบัติพิเศษ ให้เหมาะสมกับงาน เช่น กันลื่น กันน้ำ ทนความร้อน ทนสารเคมี
สรุป
รองเท้าเซฟตี้ เป็นอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล ที่สำคัญ ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมกับลักษณะงาน เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการป้องกัน และความสะดวกสบายในการสวมใส่
หากหน่วยงาน หรือโรงงานใด สนใจสั่งซื้อรองเท้าเซฟตี้ รองเท้านิรภัย สามารถติดต่อสอบถามทาง safety jk ก็ได้ เรายินดีให้บริการ
รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก มาตรฐาน มอก. สำหรับ โรงงานอุตสาหกรรม ผลิตตามมาตรฐาน EN ISO 20345 และ มีมาตรฐาน มอก. รับรองสำหรับ รองเท้าเซฟตี้หัวเหล็ก แบบหนังแท้ และหนัง PU